“ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (แบล็ค ล็อค) 500 ล้านบาทคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด และได้เตรียมงบอีก 800-900 ล้านบาทในการซื้อที่ดินรองรับโครงการใหม่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีที่ดินที่พร้อมพัฒนาแล้ว 5 ทำเล พร้อมกันนี้จะออกหุ้นกู้อีก 800 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อนำเงินมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนด”
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหานี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในระบบ และสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ มีผลทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นจาก 12-15% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 15-20% แล้ว ซึ่งบริษัทพยายามที่จะแก้ปัญหาด้วยการให้ลูกค้าที่จองซื้อบ้านแล้ว สามารถเขาอยู่ได้เลย ไม่ต้องใช้เงินก้อนในการดาวน์ เพื่อลดภาระในการผ่อนดาวน์ลง และมีผลทำให้ตลอดทั้งปี 57 ที่ผ่านมา มีรายได้เพียง 2,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3,200 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้เศรษฐกิจ ชะลอตัว จนทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านน้อยลง
“ที่ สำคัญ ในช่วงที่มีสถานการณ์ทางการเมือง อย่างน้อย ๆ ถึง 4 เดือนที่บริษัทไม่สามารถขายบ้านได้เลย แต่โดยภาพรวมแล้ว ถือว่ายังเติบโตขึ้นบ้าง หลังจากที่การเมืองเริ่มนิ่ง ส่วนปีนี้ ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ 3,120 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 2,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มแนวราบ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง เนื่องจากบ้านเดี่ยวเป็นตลาดที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ไม่มีการเก็งกำไร ส่วนคอนโดมิเนียมนั้นปรับลดลง หรือมีเพียง 1-2 โครงการ หรือสัดส่วนไม่เกิน 15-20% เนื่องจากตลาดคอนโดฯยังมีสินค้าล้นตลาดอยู่หลายทำเล”
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
Source: ลลิลห่วงยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น