
ขณะ ที่ ดร.ชาญณรงค์ บาลมงคล อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อเรื่องดังกล่าวว่า ลักษณะของเสาไฟฟ้าที่โน้มเอียง ไม่ตั้งตรง เมื่อมีปัจจัยภายนอกมาเสริม อาทิ ลมพายุ ดินทรุด หรือรถแล่นผ่านแล้วโครงรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถ โดยเฉพาะรถใหญ่ ไปเกี่ยวกับสายไฟ มีความเสี่ยงทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาได้ ซึ่งหากเสาไฟฟ้ามีความโน้มเอียงมากๆ การเหนี่ยวรั้งก็จะมากขึ้น อาจเป็นเหตุให้เสาไฟฟ้าหักเป็นสองส่วน หรือล้มทั้งหมด จึงต้องตรวจสอบว่าดินบริเวณนั้นแน่นหนาหรือไม่นั้นเมื่อ1 ปีที่แล้ว เสาไฟเริ่มเอียงมากขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน จึงแจ้งการไฟฟ้าฯ และมีเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบ พร้อมให้คำตอบว่า “เสาไฟประเทศนี้ไม่มีวันล้ม เพราะมันจะพยุงกันไปมาระหว่างเสาไฟแต่ละต้น ด้วยสายไฟและสายโทรศัพท์เอง ไม่ต้องห่วง! ไม่ต้องทำอะไรครับ” และเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เสาไฟทั้งแถบเริ่มเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงแจ้งการไฟฟ้าอีกเช่นเคย แต่ก็เงียบหาย ขาดการติดต่อ จนกระทั่งล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา เสาไฟเอียงมากจนสายโทรศัพท์โก่งลงมาเป็นท้องช้าง จึงมีรถบรรทุกวิ่งมาเกี่ยวสายโทรศัพท์ขาด และได้โทรแจ้งการไฟฟ้าฯ แต่กลับได้รับคำตอบว่า “สายที่ขาดเป็นสายโทรศัพท์ครับ ไม่ใช่หน้าที่ของผม ให้โทรไปแจ้งกับทางโทรศัพท์” ทั้งนี้ยังวอนขอและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงลงพื้นที่ตรวจสอบ เพราะหวั่นเกิดเหตุอันตรายแก่ผู้สัญจรผ่านไปมาเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” รายงานว่า กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลังสมาชิกเว็บบอร์ดรายหนึ่ง ได้ตั้งกระทู้สนทนาบนเว็บไซต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า “เสาไฟเอียงจะล้ม โทรไปแจ้ง แต่ได้รับคำตอบว่า เสาไฟประเทศนี้ไม่มีทางล้ม เพราะมันจะดึงกันไปมาเองระหว่างเสาไฟ!! (ลมแทบจับ)” พร้อมแนบรูปภาพ 2 รูป เป็นภาพเสาไฟฟ้า มีลักษณะโน้มเอียง กินพื้นที่เข้ามาครึ่งหนึ่งของถนน โดยระบุว่าจุดดังกล่าว คือ ซอยเชียงคำ แจ้งวัฒนะ14 อีกทั้งได้อ้างว่าเมื่อ2 ปีที่แล้ว เสาไฟเริ่มเอียง จึงโทรแจ้งการไฟฟ้าฯ แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ หลังจากนั้นเมื่อ1 ปีที่แล้ว เสาไฟเริ่มเอียงมากขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน จึงแจ้งการไฟฟ้าฯ และมีเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบ พร้อมให้คำ
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น