“อีสเทิร์น โพลีเมอร์” จ่อเข้าตลาดหุ้น ชูผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลก

2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งยานยนต์ ที่มีความแข็งแรง ได้มาตรฐานความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ภายใต้แบรนด์แอร์โรคลาส (Aeroklas) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพื้นปูกระบะไลเนอร์ ที่มีกำลังการผลิตรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยังร่วมพัฒนากับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้งจากอเมริกาและญี่ปุ่น ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ร่วมกันออกแบบและพัฒนาหลังคารถยนต์กระบะ (canopy) ที่แข็งแรงปลอดภัยและสวยงาม 3.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกคุณภาพสูงในอุตสาหกรรมอาหารและ เครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ EPP ซึ่งปัจจุบันผลิตถ้วยและแก้วน้ำพลาสติกให้บริษัทฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ของโลก 4.ธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ ดำเนินการโดยบริษัท แอร์โรเฟลกซ์ โพลีเมอร์ เทคโนโลยี จำกัด (เซี่ยงไฮ้) (APT) เพื่อทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ทั้งในจีนและส่งออก รวมทั้งทำหน้าที่จัดหาวัตถุดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆให้กับบริษัทในกลุ่มในไทยและต่างประเทศ และ 5. ธุรกิจเพื่อการวิจัยและพัฒนา

“ทั้ง 5 ธุรกิจของกลุ่ม EPG มีจุดเริ่มต้นและเติบโตจากการคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรม มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าผลิตภัณฑ์ ของคู่แข่ง ทั้งยังมีสิทธิบัตรกว่า 400 ฉบับ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม EPG ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีการ ส่งออกครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

นายวัชรา ตันตริยานนท์ ประธานกรรมการ กล่าวว่า กลุ่ม EPG ได้ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งถือเป็นเทรนด์ของโลก ที่บริษัทจะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงได้ต้องไม่หยุดนิ่ง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ผู้ประกอบการไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลง จะใช้แต่แรงงานราคาถูกและขายของถูกไม่ได้ ต้องมีทักษะมีการพัฒนา ที่สำคัญคือการมุ่งทำงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่กลุ่ม EPG ให้ความสำคัญมาก โดยแยกบริษัทออกมาต่างหาก มีนักวิจัยของตัวเองและทุ่มงบในการวิจัยแต่ละปีจำนวนมาก เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้า จนเทียบชั้นระดับเวิลด์คลาสแข่งขันกับตลาดโลกได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ จนทำให้บริษัทมีกำไรหรือมาร์จิ้นในระดับสูง

“กลุ่ม EPG เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยคิดค้นและพัฒนาส่วนผสมต่างๆในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ มีคุณภาพสูง และมีเครื่องหมายการค้าของตนเองที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก เช่น ฉนวนกันความร้อนและความเย็นในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งสำหรับยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่มและอาหาร โดยเป็นบริษัทคนไทยที่ผลิตสินค้านวัตกรรม ที่มีการจดสิทธิบัตรมากกว่า400 ฉบับทั่วโลก มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทยและยังได้ขยายการลงทุนออกไปยังสหรัฐฯ จีน รวมทั้งร่วมทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ ในจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดียและเยอรมนีด้วย”

นายเฉลียวกล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจในกลุ่ม EPG มี 5 ธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อนและความเย็น ที่มีคุณสมบัติพิเศษไม่ลามไฟและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำโดยแบรนด์แอร์โรเฟล็กซ์ AEROFLEX และ “AEROCEL” และ “CELFLEX” โดยบริษัทเป็นผู้นำอันดับ 1 ใน 3 ของโลกในอุตสาหกรรมนี้ โดยส่งออกเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างอาคารต่างๆต้องใช้ฉนวนยางหรือแผ่นกันความร้อน เพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารที่จะช่วยประหยัด พลังงาน โดยอาคาร Burj khalifa ที่สูงที่สุดในโลกที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท แม้กระทั่งอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาของญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ ก็ได้สั่งฉนวน AEROFLEX ไปซ่อมแซมฉนวนที่ใช้หุ้มท่อน้ำเย็นเพื่อหล่อเย็นความร้อนที่เกิดจากเตา ปฏิกรณ์ปรมาณู

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ กรรมการบริหาร บริษัทอีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 700 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้รับประกันการจำหน่าย คาดว่าบริษัทจะเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอและนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลัก ทรัพย์ได้ภายในปลายเดือนนี้ โดยหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,800 ล้านบาท โดยกลุ่มวิทูรปกรณ์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นหลักจะมีสัดส่วนลดลงเหลือ 75% สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำมาชำระคืนเงินกู้ยืม และนำไปขยายธุรกิจในกลุ่ม EPG เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 58 (เม.ย.57-มี.ค.58)รายได้ของกลุ่มจะโตได้ 8-10% ตามเป้าหมาย เทียบกับผลงานปี 57 (เม.ย.56-มี.ค.57) ที่มีรายได้รวม 6,592 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 630 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เป็น 50% และในประเทศ 50% จากปัจจุบันต่างประเทศ 30-40%

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: “อีสเทิร์น โพลีเมอร์” จ่อเข้าตลาดหุ้น ชูผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลก